หนูอยากได้ไดโนมาสเตอร์การ์ดชุดที่ยังขาดหายไป พ่อได้วางข้อตกลงของความพูกพันที่หนูต้องทำเพื่อให้ได้สิ่งที่หนูต้องการ เป็นการบอกหนูว่า ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆโดยที่หนูไม่ต้องทำงานแลกมา
เพื่อให้สิ่งที่หนูต้องการเรียกว่า “รางวัล” พ่อจึงต้องให้หนูออกแรงทำงานที่หนูสัญญาว่าต้องทำเสียก่อน จึงจะได้สิ่งที่หนูต้องการ ไม่เช่นนั้น ถ้าหนูได้ของที่หนูต้องการก่อนค่อยทำงาน ของนั่นจะเรียกว่า “สินบน” … พ่อต้องการให้หนูได้ “รางวัล” ไม่ใช่ “สินบน”
วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554
หลังจากที่เราทำการบ้านทางอินเตอร์เน็ทกันเล็กน้อย ก็ทราบว่าไดโนมาสเตอร์การ์ดนั้นมีขายที่ ซีเอ็ดฯชั้นใต้ดินในตึกฟอร์จูนรัชดาฯ เราชวนพี่เฟิร์นไปด้วยกัน แต่พี่เฟิร์นมัวแต่สนใจอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง
แต่ก่อนออกจากบ้าน เราได้ยินเสียงพี่เฟิร์นบอกว่า เอาทาโร่มาฝากซองนึงด้วย และ ได้ยินคุณแม่หนูพูดว่า ถ้าไม่ลำบากมากนัก ซื้อแก้วกาแฟที่เข้าชุดกับของที่บ้านให้ 2 ใบ มีขายที่ชั้น 5 โรบินสันในเซ็นทรัลพระรามเก้าฝั่งตรงข้าม แต่คนล่ะมุมตึก แต่ถ้าไม่สะดวกไปก็ไม่เป็นไร
อีกไม่กี่นาทีจากนั้น ด้วยบริการอันทันใจและตรงเวลาของรถไฟฟ้าใต้ดิน เราสองคนก็พากันมาถึงซีเอ็ดฯที่ตึกฟอร์จูนรัชดาฯ หลังจากเลือกไดโนมาสเตอร์การ์ดจากร้านซีเอ็ดฯได้แล้ว พ่อก็จะพาหนูข้ามฝั่งไปซื้อแก้วกาแฟให้คุณแม่
“คุณพ่อครับ” … หนูขึ้นต้นแบบนี้แปลว่ามีอะไรจะถาม
“ทำไมเหรอ”
“คุณแม่บอกว่า ถ้าไกลและลำบาก ไม่เอาก็ได้นี่ครับ ทำไมเราไม่กลับบ้านเลย” … หนูคงอยากกลับไปเล่นการ์ดเต็มที
…
พ่อฉุกคิดขึ้นมาว่า เออ … ก็จริงที่คุณแม่หนูพูดแบบนี้ … สงสัยต้องอธิบายกันหน่อย พ่อคิดว่าในวัย 12 ขวบหนูน่าจะโตพอที่จะเข้าใจได้
“คืองี้ ภัทร” … พ่อเกริ่น
“ผู้หญิงส่วนมาก เวลาเขาพูดว่า ไม่ต้องทำก็ได้ นั้นไม่ได้แปลตรงๆว่า ไม่ต้องทำก็ได้ แต่มักจะแปลว่า ถ้าไม่ทำแปลว่าเราไม่แคร์ไม่ใส่ใจเขา ดังนั้น ถ้าเราแคร์และใส่ใจเขา เราก็ควรจะทำ จริงไหม” … จะเข้าใจไหมเนี้ย อธิบายแบบง่ายสุดๆแล้ว คราวนี้ 1+1 มันไม่เท่ากับ 2 นะลูก
“อืม … ภัทรว่าภัทรเข้าใจ … แล้วทาโร่พี่เฟิร์นล่ะครับ”
“พ่อว่าในกรณีพี่เฟิร์น พี่เฟิร์นเจาะจงให้เอาไปฝากด้วย ดูเหมือนเราไม่มีทางเลือกนะ แต่ยังไงก็ตามพ่อว่าความคิดและอารมณ์พี่เฟิร์นยังไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่า เราข้ามไปฝั่งโน้น ไปซื้อแก้วกาแฟให้คุณแม่ดีกว่า”
“ครับ” …
บทเรียนคราวนี้ อาจจะยากไปนิดนึง แต่อยากให้หนูรู้เอาไว้ จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำรอยพ่อ
เวลาผู้หญิงบอกว่า “ไม่ได้” บางทีก็แปลว่า “อาจจะได้” หรือ บางทีถ้าเธอบอกว่า “อาจจะ” เธอหมายความว่า “ไม่มีทาง” ก็เป็นไปได้ ไม่มีสูตรตายตัวเสมอไป และที่ยุ่งยากไปกว่านี้คือ ผู้หญิงทุกคนก็ไม่เหมือนกันอีก
… พ่ออยากให้ลูกใช้หัวใจในการฟังสิ่งที่เธอพยายามบอกมากกว่าใช้หูและตัวอักษร แล้วหัวใจหนูจะบอกเองว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร
บันทึกไว้เมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2554
พ่อ