Emergency Response Management เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

Emergency Response Management เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส – เมื่อวานซืนการประปาประกาศน้ำไม่ไหล ช่วง 1000 น. – 1600 น. ของเมื่อวาน

ไม่ได้ตื่นเต้นตื่นตูมอะไร เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่น้ำประปาจะไม่ไหล แถมยังรู้ตัวล่วงหน้าก่อน 1 วัน

เมื่อวานที่บ้านก็เตรียมสำรองปริมาณน้ำ ตามประสบการณ์ในอดีต คือ + ไปอีก 6 ชม. เผื่อซ่อมไม่เสร็จ

เอาเข้าจริง 6 โมงเช้าอีกวัน (วันนี้) น้ำก็ยังไม่มา …

Emergency Response Management

เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

long story short … สรุปว่า เมื่อเวลา 0600 น. บ้านเหลือน้ำจำนวนหนึ่งที่ต้องบริหารจัดการกันให้อยู่ให้ได้

เด็กๆคนเมือง ที่เกิดมา กดสวิทซ์ไฟฟ้า ไฟฟ้าก็มา หมุนก๊อกน้ำ น้ำก็ไหล เปิดตู้เย็นก็มีอาหาร … take it for granted

ไม่แปลกที่สถานการณ์จู่ๆจวนจะไม่มีน้ำใช้แบบนี้จะทำให้เด็กๆคนเมืองนึกว่าโลกใบนี้จะแตก 555 🙂

ผมก็เข้าใจได้นะ เหมือนผมสมัยวัยรุ่น ขับรถแล้วเฉี่ยวชนหนแรก รถติดเพราะรถเรายาวเหยียด

ผมก็จะยืนตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูก ไม่มีมือถือ จะคุยกับคู่กรณีอย่างไร เรียกประกันอย่างไร จะพูดอะไรออกไป ตำรวจก็จะมา จะบอกตำรวจอย่างไร บลาๆ

ความสามารถในการการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติส่วนหนึ่งขึ้นกับประสบการณ์ด้วย แต่อีกส่วนหนึ่ง สามารถศึกษา และ ฝึกซ้อมได้

ผมโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต้องวางแผนใช้ทรัพยากร ก็พูดให้ดูหรูไปงั้น แปลเป็นภาษาบ้านๆคือ ยากจน น้ำ อาหาร ไฟฟ้า ไม่ได้มีให้ใช้ตามความต้องการ หลายครั้งที่จู่ๆก็ไม่มีใช้ดื้อๆงั้นแหละ

สำหรับผมสถานการณ์เรื่องน้ำแบบเมื่อเช้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในขณะที่ยัยเฟิร์นแหกปากเหมือนโลกจะแตก 555 🙂

Listen Listen and Listen ทำไมไม่มีใครคุยกับหนู

Listen Listen and Listen ทำไมไม่มีใครคุยกับหนู

คนเรามักจะใช้สมองน้อย ถ้ามีทรัพยากรให้ใช้ ไม่มาก แต่ถ้าทรัพยากรจำกัด หรือ ขาดแคลย เราจะใช้สมองมากขึ้น

ผมเลยเปลี่ยนวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ให้เด็กๆได้ใช้สมองให้มากขึ้น

หลังจากอธิบายสถานการณ์ให้ทุกคนในบ้านรับทราบข้อมูลต่างๆตรงกัน ผมก็เริ่มจัดสรรทรัพยากร

มีน้ำให้คนล่ะ 2 ลิตร นะ อยู่ให้ได้ถึงเที่ยง (คิดในใจว่า ถ้า เที่ยงแล้วน้ำยังไม่มา ก็จะให้อีกคนล่ะ 2 ลิตร แล้วอยู่ให้ได้ถึงเย็น 555)

พอ 6 โมงเช้านิดๆ น้ำก็มา

ใจหนึ่งก็ดีใจ ลดแรงเสียดทาน ลดดราม่า แต่อีกใจก็เสียดายโอกาสที่จะได้ฝึกหัดเด็กๆจากประสบการณ์จริง

นั่นทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่างที่อยากแบ่งปันเช้านี้

ERM ย่อ มาจาก Emergency Response Management แปลง่ายๆว่า การบริหารจัดการรับมือกรณีฉุกเฉิน

Emergency Response Management
Emergency Management Cycle

มีทฤษฎีมากมาย กูเกิลศึกษาเอาเองกันได้ แต่มีหลายๆประเด็นเด่นๆที่ผมอยากแบ่งปันในเรื่องนี้ในมุมมองของครอบครัว

  • สามารถเอาหลักการแนวคิด ERM มาประยุกต์ใช้กับครอบครัวได้ และ ควรนำมาใช้ เพื่อ เด็กๆจะได้รู้จักที่จะรับมือ วางแผน เองได้ในอนาคต
  • ผู้นำในยามวิกฤติ (IC – Incident Commander นึกถึงผู้ว่าหมูป่า นั่นแหละครับ IC ตัวจริง) ต้องมีคนเดียว เพื่อไม่ให้สมาชิกในบ้านสับสน และ คนๆนี้มีลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะ ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ในบ้านทุกเป็นผู้นำในยามวิกฤติได้ ไม่สามารถเอาระบบสภา หรือ ประชาธิปไตย มาใช้ในกรณ๊นี้ได้
  • คนที่เป็นคนบริหารจัดการในยามปกติได้ดี อาจจะไม่สามารถเป็นคนที่บริหารจัดการยามวิกฤติได้ และ กลับกัน คนที่บริหารจัดการยามวิกฤติได้ดีอาจจะไม่ได้เรื่องเมื่อต้องรับมือกับงานประจำยามปกติ
  • เรา (พ่อ แม่ ผู้ปกครอง) ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ในยามวิกฤติ อย่าสติแตก อย่าลน อย่าตื่นตูมไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้น สมาชิกในบ้าน โดยเฉพาะเด็กๆ จะมีต้นแบบที่ไม่ดี มีผลกับมุมมองโลก และ EQ ของเด็กในอนาคต

ถึงแม้ว่าวิกฤติต่างๆ มีลักษณะที่แตกต่างกันไปในรายละเอียด เราไม่สามารถจำลอง หรือ ซ้อม ได้ทุกๆสถานการณ์ แต่ทุกวิกฤติ และ การรับมือ มีลักษณะร่วมอยู่ไม่กี่อย่าง

  • ถูกจำกัดด้วยเวลา และ การเข้าถึงทรัพยากร (แหง๋ล่ะ ไม่งั้นก็คงไม่เรียกว่าวิกฤติ)
  • ความเสียหายเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
  • ไม่มีการติดสินใจอะไรเลยที่จะไม่มีการสูญเสีย ดังนั้น จุดประสงค์ที่จะไม่ให้มีการสูญเสียอะไรเลย จึงเป็นจุดประสงค์ที่ไม่อยู่กับความจริง จุดประสงค์คือต้องให้ความสูญเสียอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (อย่าใช้คำว่าน้อยที่สุด เพราะคำว่าน้อยที่สุด ไม่มีจริงในด้านการบริหารจัดการ)
  • การตัดสินใจเร็วสำคัญก็จริง แต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป การชั่งน้ำหนัก ทางเลือก ความสูญเสีย และ เวลาที่จะลงมือ สำคัญกว่าความเร็วในการลงมือ
  • คาถาที่ดีที่สุด คือ สติ และ สมาธิ อ่านสถานการณ์ และ ตัดสินใจบนข้อมูล “อย่างที่มันเป็นจริง” อย่าตัดสินใจบนพื้นฐานของการ “มโน (จินตนาการ)” ที่เกินพื้นฐานของความเป็นจริง

เมื่อเข้าใจ 5 ประเด็นหลักข้างต้นแล้ว ผู้นำยามวิกฤติก็ต้องสื่อสารกับสมาชิกในครอบครัวให้เข้าใจตรงกันในขณะที่ยังไม่มีวิกฤติ เพราะเมื่อเกิดวิกฤติ จะไม่มีเวลาอธิบายกัน แล้ว ก็จะดราม่ากัน

ประมาณๆนี้ครับที่อยากแบ่งปันจากวิกฤติน้ำประปาของบ้านผมเช้าวันนี้ 🙂

Scroll to Top