Sales school หัดเป็นแม่ค้าเร่ขายของข้างถนน

Sales school หัดเป็นแม่ค้าเร่ขายของข้างถนน – เป็นอีก 1 โครงการฝึกอาชีพให้เฟิร์น

ก็ลองมันไปเรื่อยๆ ดูว่าจะเหมาะกับงานอะไรทำนองไหน …

งานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก โรงเรียนปัญญาวุฒิกร ที่ในโอกาสเฟิร์นเป็นผู้จ้างงานตามมาตรา 35. พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 โดย บ.เทพประทานการแร่ เป็นผู้จ้างงาน

โรงเรียนปัญญาวุฒิกรมีโครงการช่วยเหลือพนักงานจ้างงานมากมาย และ 1 ในโครงการเหล่านั้น คือ การให้ทุน คำปรึกษา ช่วยให้ผู้จ้างงาน และ ครอบครัวได้ขายอาการเลี้ยงครอบครัว ลดการพึ่งพาจากภายนอก

ทำให้ผมคิดว่า น่าจะลองให้เฟิร์นขายของดูบ้างเล็กๆน้อยๆ

ประกอบกับวันหนึ่ง ผมเห็นคนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หน้า รพ.เอกชน รพ.หนึ่ง เขาเป็นคนบกพร่องทางสติปัญญา ทอนเงินเองก็ยังไม่ได้ ต้องอาศัยความซื่อสัตย์ของลูกค้า หยิบหวยเอง หย่อนเงินค่าหวยในกล่องเอง และ หยิบเงินทอนเอง

ผมยืนเฝ้าสังเกตุอยู่พักใหญ่ คนมามุมซื้อกันเต็มไปหมด ทั้งๆที่มีแผงขายสลากฯข้างๆ

ผมไม่ได้ไปชะโงกนับเงินในกล่อง แต่คิดว่า ไม่น่ามีคนโกงค่าสลากฯ หรือ อย่างแย่ เงินที่คนซื้อให้เกินๆมาก็น่าจะพอๆกับเงินที่คนใจร้ายแกล้งหยิบเงินทอนเกิน

Sales school

หัดเป็นแม่ค้าเร่ขายของข้างถนน

ผมก็เลยเอาไอเดียมาประยุกต์

เริ่มจากทำอุปกรณ์ … ก็บ้านๆครับ กล่องลังตัดครึ่ง กับ ตะแกรงแขวนของร้านขายของตลาดนัด

สั่งซื้อจากร้านขายออนไลน์ทั่วไป

หน้าตาออกมาก็ราวๆนี้

อ้อ ลืมบอกว่า ช่วงทำโครงการนี้ก่อนการระบาดโควิด รอบสงกรานต์ ปี 64 นี้ นะครับ

นึกถึงคนขายฮ๊อดดอกสนามกีฬาในหนังอเมริกันน่ะครับ ประมาณนั้น

ส่วนสินค้า ก็คิดว่าเป็นของกิน ประเภทขนม นี่แหละ น่าจะเดินเร่ขายในซอยได้ง่ายสุด

พอดีว่าบ้านข้างเคียงในหมู่บ้านทำขนมไทยขายส่ง ก็เลยไปจีบมาได้ในราคาทุน … ทองสุขขนมไทย

คลิ๊กที่ลิงค์ แล้วไปอุดหนุนกันได้ครับ

ส่วนคุณแม่ที่กำลังหัดทำขนมถ้วย ก็สนับสนุนขนมถ้วยที่คุณแม่ทำเองเสริมให้นางเอาไปขายด้วย

เป็นกิจกรรมเฮฮาในครอบครัวไปแบบไม่ได้ตั้งใจ

มาต่อ เรื่องของนาง …

วันแรกก็ประมาณนี้ครับ … “พร้อมค่ะ”

วันแรกค่ะ

ให้นางลงทุนเอง โดยใช้เงินรายได้ที่นางได้จากการจ้างงานตามมาตรา 35. นั่นแหละ เป็นทุน ไปรับขนมไทยกล่องๆมาแปะราคาขาย

ให้นาง ตั้งราคาเอง เตรียมเงินทอนเอง เลือกชนิดขนมเอง

ผมก็เดินตามไปห่างๆ คอยถ่ายรูปไปไรไป ไม่เข้าไปยุ่งเลย ผิดถูกอะไรยังไงก็ให้นางเรียนรู้เอง

นางก็เดินร้องขายไปไรไป ให้เครื่องคิดเลขไปด้วย นางก็ทอนเงินเองไรเอง

เดินไปราวๆ 3 ชม. ก็ในซอยนั้นแหละ เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ โดนไล่บ้าง เจอคนใจดีบ้าง คนใจร้ายบ้าง

… วันแรกขายหมด มีกำลังใจ 555

กลับมารีบทำบัญชี เพราะตกลงกันว่า ได้กำไรเท่าไรนางจะได้เอาไปซื้อขนม

sales school
กำไรเท่าไร จะเอาไปกินขนม 🙂

ขายวันแรก นางทำได้ดี ขาย ประมาณ 3 ชม. ก็ขายหมด ได้กำไรมาเกือบ 200 บาท ยิ้มแฉ่ง

แต่นั้นไม่ใช่เป้าหมายของพ่อ …

เย็นนั้น ผมก็จับนางมาซักถามว่าเรียนรู้อะไรบ้าง …

เช่น …

  • ลูกค้า … เป็นใคร ส่วนใหญ่ เพศอะไร อายุเท่าไร ลูกค้า เพศ อายุ ไหนมักซื้อขนมอะไร
  • สินค้า … ขนมอะไรขายดี อะไรหมดก่อน อะไรขายไม่ค่อยได้
  • ที่ไหนในซอยขายดี ซอกไหน ร้านไหน มุมไหนของซอย จะมีลูกค้าประเภทไหน
  • ร้านไหนใจดีให้เข้าไปขาย ร้านแบบไหนเข้าไปแล้วโดนไล่ออกมา ร้านแบบไหนเข้าไปแล้วขายได้เยอะ
  • ฯลฯ

ที่สำคัญ คือ คราวหน้า ถ้าขายอีก จะสั่งขนมอะไร อย่างล่ะเท่าไร มาขาย จะไปขายที่ไหน ไม่ขายที่ไหน จะเดินขายเส้นทางไหน ฯลฯ

บทเรียนที่ได้ สำคัญกว่ารายได้ …

ในการค้าขาย นางจะได้รู้ว่าเงินแต่ล่ะบาท กว่าจะได้ ไม่ง่ายเลย ถ้าไม่ออกเดินขาย ป่วยไข้ ฝนตก ก็ไม่ได้เงิน

ไม่เหมือนกับงานที่นางได้รับการจ้างงานตามมาตรา 35 ที่ป่วย ไม่ไปทำงาน ก็ยังได้เงินเดือน

แต่ค้าขาย ถ้านางขยัน รู้จักขาย รู้จักควบคุมต้นทุน ก็สามารถได้เงินมากกว่า

สัปดาห์ต่อมา นางก็ออกไปขายอีก

sales school
ขายอีกรอบค่ะ

หนนี้ ขายไม่หมด ขาดทุน …

บทเรียนจากความผิดพลาดมีค่ามหาศาลลูกเอ๋ย มีค่ามากว่าบทเรียนที่ได้จากความสำเร็จเสียอีก

คืนนั้น เราก็มานั่งวิเคราะห์กันว่า ครั้งที่ 2 นี่ เธอขายต่างจากครั้งแรกอย่างไร เกิดอะไรขึ้น หนต่อไปจะแก้ไขอย่างไร

พอดีว่าโควิดระบาดเสียก่อนเมื่อสงกรานต์ ก็เลยหยุดโครงการนี้ไปก่อน เอาไว้หยุดระบาด ก็ว่าจะให้เธอออกไปขายใหม่ เพราะดูแล้ว เหมือนเธอจะชอบงานขาย

แต่ยังต้องพัฒนาอีกมากเรื่องความรอบคอบในการเตรียมงานขาย เช่น เตรียม ถุง เงินทอน คิดบัญชี การสั่งของ

ส่วนที่นางทำได้ดีคือ เรื่องความอดทน และ ความกล้าที่จะเดินออกไปพบผู้คน ออกไปขาย รู้จักสังเกตุตลาด

ประมาณนี้ครับ เอาประสบการณ์ของนางมาแบ่งปันกัน

ผู้บกพร่องแต่ล่ะคนก็มีจุดเด่น จุดด้อย ที่แตกต่างกัน ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนใครเดี๊ยะๆ

เราเอง ในฐานะที่เป็นที่พึ่ง เราจะต้องพยายามมองหาจุดที่เขาสามารถพัฒนาได้ และ ส่งเสริมจุดนั้น เรื่องไหนเขาทำไม่ได้จริงๆก็ต้องยอมรับเขา และ หาทางสนับสนุน แล้ว ก็พยายามก้าวไปพร้อมๆกัน

สู้ๆครับ 🙂


Group penalty … ทำผิดคนเดียว ทำโทษทั้งชั้น เพื่อ … (อะไร)

Group penalty … ทำผิดคนเดียว ทำโทษทั้งชั้น เพื่อ … (อะไร)

Scroll to Top