ทำไมต้องไปวัด ทุกวันอาทิตย์ … คำถามของลูกชายวัยรุ่นที่ไม่ยอมไปวัดกับพ่อ … เป็นคำถามที่ผมเคยคิดไว้ล่วงหน้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้ววันนี้ ก็เป็นคำถามขึ้นมาจริงๆ
ย้อนเวลาโดยตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปเลยครับ
เวรกรรมทำไว้ในค่ำวันเสาร์ที่ย้อนกลับมาเอาคืนในเช้าวันอาทิตย์ … (ของอีก 30 ปีถัดมา)
เวรกรรมทำไว้ในค่ำวันเสาร์ที่ย้อนกลับมาเอาคืนในเช้าวันอาทิตย์ … (ของอีก 30 ปีถัดมา)
… กลับมาที่ปีปัจจุบัน
นั่นนะซิ ผมก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ในเมื่อครั้งหนึ่งผมก็เคยถามคำถามเดียวกันนี้กับแม่ของผม
ทำไมต้องไปวัด ทุกวันอาทิตย์
“ทำไมต้องไปวัดทุกเช้าวันอาทิตย์” … เมื่อโดนลูกชายวัยรุ่นท้าทาย
… ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็คิดแบบนั้น ตอนเป็นวัยรุ่น ไปทำไมว่ะ เสียเวลาดูการ์ตูนเช้าวันอาทิตย์ (ในสมัยนั้น) … 555 🙂
ถ้าให้ผมตอบอย่างเร็วๆตอนนี้ ซึ่งก็คงไม่ครบได้ใจความอย่างที่ถ้าจะไปถามคำถามเดียวกันนี้กับบาทหลวง หรือ ผู้เชี่ยวชาญการตอบปัญหาศาสนายากๆกับเด็กๆ
ที่ผมอยากจะแบ่งปันกันท้ายบทความนี้ก็คือ …
ผมรู้สึกว่าด้วยธรรมชาติของผม(ผมไม่ใช้คำว่า “เรา” เพราะผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเหมือนผมไหม เอาว่าก็ธรรมชาติของผมคนเดียวนั่นแหละ) ที่จิตวิญญาณอ่อนแอ ด้วยความอ่อนแออันเป็นธรรมชาติของจิตผม จึงต้องการ การตักเตือน การกระตุ้น การท้ายทายให้ทบทวนการกระทำที่ผ่านมาในอาทิตย์ที่แล้ว และ ที่จะกระทำในอาทิตย์ถัดไป
หรือ อีกนัย เตือนสติ ฟื้นฟูมโนธรรม ประจำสัปดาห์
เพื่อสัปดาห์ต่อไป(สติ และ มโนธรรม)จะได้อยู่กับร่องกับรอย(ที่ควรจะอยู่ที่ควรจะเป็น) … 555
อ้าว ก็(มึง)รู้แล้วไปหนหหนึ่งทำไมไม่จำ ไม่ทำไปตลอดชีวิตล่ะ ก็เรียนมา ก็รู้มา ทำไม่(มึง)ไม่รู้จักจำ และ ถือปฏิบัติไปให้ได้ตลอด …
นั่นแหละที่เรียกว่าความอ่อนแอของจิตวิญญาณของผมเอง …
จะว่าไปมันก็ไม่ต่างกับพฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์เฝ้าอบรมบ่นตักเตือนในสมับเรายังเด็กๆ ให้ทำ หรือ ไม่ให้ทำ ซ้ำๆเรื่องเดิมๆ ต่างแต่ว่าตอนนี้ เราไม่มีพ่อแม่ครูอาจารย์มาค่อยจ้ำจี้จ้ำไช เฝ้าบ่นสอนตักเตือนอีกแล้ว
ดังนั้น … ผมคิดว่า ศาสนายังเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ตาม ก็เพราะ ลึกๆแล้วจิตใจมนุษย์เราอ่อนแอ ต้องการอาหารทางจิตอยู่เสมอๆ ต้องการการตักเตือน การฟื้นฟูสติเป็นระยะๆ อันนี้ผมไม่รวมถึงอริยบุคคลที่บรรลุแล้ว ตื่นแล้ว ซึ่งจิตอันบริสุทธิ์ที่สามารถดำรงจิตอยู่สติสมาธิและปัญญาได้เองโดยแท้
นั่นอาจจจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมไปโบสถ์ไปวัดทุกวันอาทิตย์
อีกแว่บหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง ที่ผมรู้สึกดีที่ไปวัด เพราะผมรับรู้ได้ถึงกระแสจิตที่อบอุ่น (แม้หลายครั้งที่ก็ไม่ได้ทักหรือพูดกับใครเลย) ได้รับรู้ถึงพลังงานที่ดีๆอบอุ่นๆบางอย่างที่ออกมาจากความรัก เชื่อ หวัง และ ศรัทธา ในสิ่งเดียวกัน
เหมือนเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ ชาร์จกำลังจิต ประจำสัปดาห์ เรียกคืน ความรัก เชื่อ หวัง และ ศรัทธา ที่ตกหล่น หายไประหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา
… เตือนตัวเองว่า ความรัก เชื่อ หวัง และ ศรัทธา นั่นมีอยู่จริง และ จับต้องได้
อย่างที่ออกตัวไว้ตอนต้น ถ้าไปถามพระสงฆ์ หรือ บาทหลวง อาจจะได้อีกคำตอบหนึ่งที่ต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง 🙂
ก็ได้แต่หวังว่า ที่ผ่านมา ผมได้ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ให้เธอและเขาไว้มากพอ มากพอที่จะงอกงามขึ้นมาอีกครั้ง ในวันเวลาที่เธอและเขาต้องการที่สุด …. เมื่อไม่มีพ่ออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
มากพอที่จะงอกงามขึ้นมาอีกครั้ง ….
ในวันเวลาที่เธอและเขาต้องการ ความรัก เชื่อ หวัง และ ศรัทธา มากที่สุด …. เมื่อไม่มีพ่ออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว …